top of page

ต้นข่อยมีใบเดี่ยวเรียงสลับ

รูปไข่กลับผิวสากใบสีเขียว

ขึ้นเป็นกลุ่มแตกกิ่งก้านยาวเรียว

ช่อออกเดียวชูผงาดงามมากมาย

นิยมใช้ทำเป็นไม้ประดับ

บ้างก็จับไปทำยากันแพร่หลาย

เมล็ดข่อยช่วยบำรุงฟื้นร่างกาย

ให้สบายด้วยประโยชน์ในต้นเดียว

ข่อย

ชื่อวิทยาศาสตร์ :Streblus asper Lour

ตระกูล : Moraceae

ชื่อสามัญ : Siamese Rough Bush , Tooth Brush Tree , Bar Inka , Bermikka , Koi ,

Rudi Schwri , Serut , Shakhotaka

ชื่ออื่น : กักไม้ฝอย (ภาคเหนือ), ซะโยเส่ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), ตองขะแหน่ (กะเหรี่ยงกาญจนบุรี),

ข่อย(ร้อยเอ็ด), สะนาย (เขมร)

บริเวณที่พบในโรงเรียนสุราษฎร์ธานี : บริเวณศาลพระภูมิหน้าอาคาร3ฯลฯ

ถิ่นกำเนิด : มีถิ่นกำเนิดในแถบทวีปเอเชียตั้งแต่ประเทศอินเดีย จีนตอนใต้ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเชีย มาเลเซีย พม่า ลาว เวียดนามและไทย

ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางเป็นพูเป็นร่องทั่วไปอาจขึ้นเป็นต้นเดียวหรือเป็นกลุ่มเรือนยอดเป็นรูปวงกลม กิ่งก้านสาขามาก

เปลือกสีเทาอ่อน เปลือกแตกเป็นแผ่นบางๆมียางสีขาวเหนียวซึมออกมา
 - ใบ เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับมีขนาดเล็กรูปใบรีแกมรูปไข่กลับ เนื้อใบ ผิวสากเหมือนกระดาษทรายทั้งสองด้าน
 - ดอก  ออกเป็นช่อสีขาวเหลืองอ่อน ออกตามปลายกิ่ง ดอกเดี่ยวแต่รวมกันเป็นกระจุกดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่ต่างดอกกัน
 - ฝัก/ผล  ลักษณะของผลจะกลมมีสีเหลือง ผลสุกมีสีเหลืองอ่อน เปลือกชั้นนอกนิ่มและฉ่ำน้ำ ซึ่งมีรสหวาน  นกจะชอบกินผลข่อย
 - เมล็ด  มีเมล็ดเดียว ลักษณะกลมคล้ายเมล็ดพริกไทย

ประโยชน์ :

- ไม้ประดับ 
 - ยางใช้กำจัดแมลง 

 - ไม้ทำกระดาษ ทำเป็นสมุดเรียกว่า สมุดไทย หรือสมุดข่อย เชียงใหม่ใช้ทำมวนยาสูบ  
 - เมล็ดเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงธาตุ และเจริญอาหาร

bottom of page