เว็บไซต์รวบรวมพรรณไม้ในโรงเรียนสุราษฎร์ธานี
![](https://static.wixstatic.com/media/ea3252_6298321f183a499bbe47ae5a31f618aa~mv2.png/v1/fill/w_65,h_65,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/ea3252_6298321f183a499bbe47ae5a31f618aa~mv2.png)
![](https://static.wixstatic.com/media/5ae58bc939e44a8c8ac0dcafa8a5eb10.jpg/v1/fill/w_147,h_98,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,blur_2,enc_auto/5ae58bc939e44a8c8ac0dcafa8a5eb10.jpg)
![](https://static.wixstatic.com/media/ea3252_a6e9230ef7134115ba4b7cc229bd832e~mv2.png/v1/fill/w_332,h_221,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/ea3252_a6e9230ef7134115ba4b7cc229bd832e~mv2.png)
การะเกด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pandanus tectorius Blume
ตระกูล : PANDANACEAE
ชื่อสามัญ : Screwpine
ชื่ออื่น : การะเกด, การะเกดด่าง, ลำเจียกหนู
(กรุงเทพมหานคร), เตยด่าง, เตยหอม (ภาคกลาง)
บริเวณที่พบในโรงเรียนสุราษฎร์ธานี : ข้างตึกอาคาร 3 และ 4 , สวนศรีประชาวงศ์
ถิ่นกำเนิด : การะเกดเป็นพืชสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย มักพบขึ้นทั่วไปตามริมน้ำหรือริมคลอง
มีเขตการกระจายพันธุ์ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน และนำไปปลูกกันทั่วไป
ลักษณะทั่วไป :
ต้นการะเกด จัดเป็นพรรณไม้พุ่มกึ่งไม้ยืนต้น สามารถพบขึ้นได้ตามชายหาดและพื้นที่ใกล้ชายฝั่งทะเล ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะหรือริมน้ำ ดินทรายชายทะเล ลำห้วย ริมลำธาร
- ลำต้น มักแตกกิ่งก้านสาขา มีรูปทรงคล้ายต้นเตย สูงได้ประมาณ 3-7 เมตร มีรากอากาศค่อนข้างยาวและใหญ่
- ใบ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับกันเป็น 3 เกลียวที่ปลายกิ่ง ลักษณะของใบเป็นรูปรางน้ำ แผ่นใบค่อย ๆ เรียวแหลมไปหาปลายใบ ส่วนขอบใบมีหนามแข็งยาวประมาณ 0.2-1 เซนติเมตร ใบมีขนาดกว้างประมาณ 0.7-2.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-9 เซนติเมตร แผ่นใบด้านล่างมีนวล
- ดอก ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่ต่างต้นกัน ดอกจะออกที่ปลายยอดและมีจำนวนมาก ติดอยู่บนแกนช่อ ดอกจะไม่มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก โดยช่อดอกเพศผู้จะมีลักษณะตั้งตรง ยาวได้ประมาณ 25-60 เซนติเมตร มีกาบสีนวลหุ้ม มีกลิ่นหอม เกสรเพศผู้จะติดรวมอยู่บนก้านซึ่งยาวประมาณ 0.8-2 เซนติเมตร ส่วนช่อดอกเพศเมียนั้นจะมีลักษณะค่อนข้างกลม
- ผล ลักษณะของผลจะเบียดกันแน่นเป็นก้อนกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10-20 เซนติเมตร แต่ละผลมีขนาดกว้างประมาณ 2-6.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 4-7.5 เซนติเมตร เมื่อสุกจะมีกลิ่นหอม โคนสีเหลือง ตรงกลางเป็นสีแดง ส่วนตรงปลายยอดเป็นสีน้ำตาลอมเหลือง ผลที่สุกแล้วจะมีโพรงอากาศจำนวนมาก
ประโยชน์ :
1. ผลแก่จัด (ผิวผลเป็นสีแดง) สามารถนำมารับประทานได้ ซึ่งจะมีรสชาติคล้ายสับปะรด
2. ดอกหอมใช้รับประทานได้ มีรสขมเล็กน้อย
3. ดอกใช้อบกลิ่นเสื้อผ้าให้หอม (สตรีโบราณนิยมนำมาใส่หีบ เพื่ออบกลิ่นเสื้อผ้าให้หอม)
4. ใช้ดอกไปเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าวหรือมันหมู แล้วปรุงเป็นน้ำมันใส่ผม ซึ่งในสมัยก่อนนิยมใช้กันมาก
5. ใบการะเกดสามารถนำมาใช้ในงานจักสานทำเป็นเครื่องมือใช้สอยต่าง ๆ ได้ดี เช่น กระสอบ เสื่อ หมวก กระเป๋า ฯลฯ เป็นวัตถุดิบของงานหัตถกรรมที่ดีและหาได้ง่าย
6. การะเกดเป็นไม้ที่มีรูปทรงเฉพาะตัวที่สวยงามแปลกตา ดอกมีกลิ่นหอม ปลูกเลี้ยงได้ง่าย มีความทนทาน อายุยืนยาว และหาพันธุ์ปลูกได้ง่าย จึงสามารถนำมาปลูกเป็นไม้ประดับได้ดี (เหมาะสำหรับปลูกตามที่ชื้นแฉะหรือริมฝั่งน้ำ)
ขึ้นชื่อการะเกด
ต้นวิเศษณ์น่าค้นหา
ตระหง่านตระการตา
สุขอุรายิ่งยามยล
ใบยาวระรายเรียง
ดอกกลีบเกลี้ยงแลหลากผล
กิ่งก้านบันดาลดล
ด้วยหลายหลากมากสรรพคุณ